การดื่มนมเป็นสิ่งที่ดีเพราะมีสารอาหารที่บำรุงร่างกายได้ แต่ขณะเดียวกันเมื่อถึงวัยที่เขาสามารถทานข้าวได้เป็นหลักก็ควรเสริมนมให้เป็นเพียงแค่อาหารเสริมเท่านั้นโดยปกติแล้วเมื่อเด็กอายุครบ 1 ปี เป็นเวลาที่สมควรแล้วที่จะต้องให้ลูกเลิกดูดขวดนมค่ะ
.
การติดขวดนมหรือเลิกขวดนมช้าเป็นพฤติกรรมที่เกิดผลเสียต่อเด็กโดยตรง ทั้งปัญหาทางด้านสุภาพและพัฒนาการค่ะ โดยจะส่งผลเสียดังนี้
.
1.ปัญหาฟันผุและการติดเชื้อ ฟันผุในเด็กมักเกิดจากการดูดขวดนม นอนหลับคาขวดนม และรวมถึงการละเลยการทำความสะอาดของปากและฟันหลังดื่มนมเสร็จ ในส่วนประกอบของนมจะมีน้ำตาลค่ะ เมื่อสะสมอยู่ในช่องปากนานๆจะเปลี่ยนตัวเองเป็นกรดในช่องปาก ทำให้เกิดการละลายแร่ธาตุออกจากตัวฟันก่อให้เกิดฟันผุ
ฟันน้ำนมมีสารเคลือบฟันที่น้อยกว่าฟันแท้จึงทำให้เกิดการลุกลามไปสู่ปลายประสาทฟันได้อย่างรวดเร็ว อาจจะหนักถึงขั้นที่เกิดการติดเชื้อในช่องปาก ต่อมน้ำหลืองอักเสบ ทอนซิลอักเสบ และอาจหนักถึงการติดเชื้อลุกลามเข้าสู่กระแสเลือดได้ค่ะ
.
2.การสบฟัน การดูดนมนานทำให้เกิดการยื่นตัวของขากรรไกร เมื่อฟันขึ้นจะประสบกับปัญหาการยื่นของฟันที่ยื่นออกไปแบบผิดปกติ มักจะมีปัญหาเรื่องของความสวยงามและการพูดไม่ชัด เสียบุคลิกและความมั่นใจ
.
3.ปัญหาทางโภชนาการ พบได้ทั้ง ภาวะอ้วนและภาวะผอม ภาวะอ้วนจะพบจากเด็กที่ดูดขวดนมมากกว่าการดื่มจากแก้ว ภาวะผอมจะเกิดจากเด็กที่เลิกขวดนมช้า ดื่มแต่นมไม่ยอมทานอาหารอย่างอื่นทำให้ได้รับพลังงานไม่เพียงพอค่ะ
.
4.ปัญหาท้องผูก เกิดจากเด็กดูดนมจากขวดปริมาณมาก อุจจาระจะแข็งเนื่องจากโปรตีนนมวัวย่อยยากกว่านมแม่ ร่วมกับการไม่ทานอาหารอย่างอื่นโดยเฉพาะผักและผลไม้
.
5.ขาดการพัฒนาทักษะ ด้านกล้ามเนื้อ พบว่าเด็กที่ถือขวดนมติดตัวทำให้ขาดการทำกิจกรรมที่ใช้มือ และมือ 2 ข้างประสานกันน้อยลง ด้านภาษาพบว่าเด็กที่ดูดขวดนมบ่อยๆจะมีปัญหาการใช้ภาษา เพราะขาดการสื่อสาร ด้านอารมณ์พบว่าเด้กจะยึดติดขวดนมเป็นสิ่งปลอบโยน หรือช่วยลดความหงุดหงิดคับข้องใจ แทนการฝึกแสดงอารมณืหรือการพูด
.
หากยิ่งผลัดการจะฝึกให้เขาเลิกดูดขวดออกไปเรื่อยๆ ความคิดความอานของเด็กเขาจะเติบโตขึ้นไปตามวัยค่ะ จะทำให้การหย่านมนั้นยากออกไปกว่าเดิม หากเลิกวันนี้ฟันของลูกก็จะยังสวยงามอยู่แข็งแรงจนกว่าฟันแท้ของเขาจะขึ้นเลยค่ะ
.