0-2ปี เด็กเรียนรู้ผ่านปากเป็นการพัฒนาการตามวัยของเด็กที่อายุต่ำกว่า1ขวบ ไม่ต้องกังวล เรื่องดูดนิ้ว.2-4ปี เด็กจะเริ่มดูดนิ้วน้อยลงมีพัฒนาการด้านอื่นๆเพิ่มขึ้นเช่นกล้ามเนื้อมัดใหญ่แต่ถ้าเด็กยังดูดนิ้วอยู่ ยังไม่ต้องกังวล เรื่องเลิกดูดมากนัก.4ปีขึ้นไป หากลูกยังติดการดูดนิ้ว ต้องได้รับการแก้ไข ผู้ปกครองสามารถชักชวนให้ลูกเลิกดูดนิ้ว ด้วยการชมเชยหรือให้รางวัลเมื่อลูกไม่ดูดนิ้ว อาจปรึกษาทันตแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับคำแนะนำ
read more
ผู้ปกครองที่กำลังจะพาลูกไปพบกับทันตแพทย์ครั้งแรกอาจจะมีความกังวลหรือไม่รู้ว่าจะต้องเตรียมตัวอย่างไรให้ราบรื่นและเพื่อให้เด็กมีประสบการณ์ที่ดีในการทำฟันวันนี้ทางคลินิกมี Checklist ให้ผู้ปกครองลองทำตามไปทีละข้อ เพื่อเริ่มปูทางให้เด็กน้อยมาทำฟันโดยมีประสบการณ์ที่ดีในการทำฟันค่ะ.1.เพื่อเป็นการสร้างทัศนคติที่ดีกับเด็ก ๆ ผู้ปกครองควรพาลูกมาหาคุณหมอฟันตั้งแต่เริ่มมีฟันซี่แรกขึ้น หรือช้าสุดไม่เกิน 1 ขวบ ควรพามาถึงแม้ว่าลูกจะยังไม่มีฟันผุค่ะ 2.ไม่โกหกลูกและบอกลูกตามความเป็นจริงว่าจะมาหาหมอฟัน เพราะการโกหกเขาว่าจะพาไปชื้อของเล่น หรือพาไปเที่ยวจะทำให้เด็กเกิดความคาดหวัง และเมื่อลูกรู้ความจริงมักจะร้องหรือต่อต้านได้ 3.ผู้ปกครองสามารถเล่านิทานหรือแต่งนิทานเกี่ยวกับคุณหมอฟัน เมื่อมาถึงคลินิกทำฟันแล้วก็บอกเด็กๆว่าถึงคลินิกทำฟันของคุณหมอแล้ว 4.ควรพาเด็กๆให้มาถึงที่คลินิกก่อนเวลาสักเล็กน้อยเพื่อให้ได้มีเวลาเล่นของเล่นก่อนเข้าทำฟัน ทำให้เด็กๆรู้สึกผ่อนคลายก่อนทำฟันค่ะ 5.อย่าปลูกฝังความกลัวในการทำฟัน เป็นสิ่งที่สำคัญมาก ผู้ปกครองไม่ควรขู่ลูก เช่น ถ้าดื้อจะพาไปถอนฟัน ให้คุณหมอฉีดยา ให้คุณหมอทำให้เจ็บๆ หากขู่แบบนี้เด็กจะรู้สึกกลัวและต่อต้านการมาทำฟันและไม่ให้ความร่วมมือได้ค่ะ 6.อย่าคิดว่าการรักษาฟันน้ำนมเป็นสิ่งที่ไม่สำคัญและไม่คุ้มค่า ฟันน้ำนมที่หลุดหรือถูกถอนก่อนอายุการหลุด ทำให้ฟันแท้ขึ้นไม่ตรง เกิดฟันซ้อนเกได้ 7.ควรเตรียมร่างกายของเด็กให้พร้อมก่อนมาทำฟัน เช่นไม่พามาตอนช่วงใกล้นอนกลางวัน หรือตอนที่น้องไม่สบาย มีอาการไอ เจ็บคอ เพราะเด็กจะรู้สึกไม่สบายตัวและไม่ให้ความร่วมมือได้ค่ะ 8.ควรงดอาหารก่อนมาทำฟัน อย่างน้อย 2 ชั่วโมงเพื่อป้องกันการอาเจียนขณะทำฟัน 9.ให้ความร่วมมือกับทันตแพทย์ อาจจะมีบางครั้งที่ทันตแพทย์ขอให้ผู้ปกครองออกไปรอข้างนอก กรุณาให้ผู้ปกครองให้ความร่วมมือกับทันตแพทย์ เพราะบางครั้งเด็กจะร่วมมือกับทันตแพทย์มากขึ้น เมื่อผู้ปกครองรอข้างนอก 10.หากลูกกำลังทำฟัน อย่าถามคำถามเชิงลบกับลูก เช่น เจ็บไหม ร้องไห้ทำไม เพราะคำถามนี้ส่งผลในเชิงลบ ควรปล่อยให้ทันตแพทย์เป็นผู้พูดคุยกับเด็กเอง 11.ควรพาผู้ที่มีหน้าที่ในการแปรงฟันให้เด็กมาพบทันตแพทย์ด้วย คุณหมอจะได้สอนวิธีการทำความสะอาดที่ถูกต้อง เพื่อจะได้กลับไปแปรงฟันให้ถูกวิธี .แม้ฟันของเด็กๆจะเป็นฟันน้ำนมแต่ผู้ปกครองไม่ควรละเลย ควรดูแลและรักษาฟันให้สะอาด เพราะฟันของพวกเขาเปราะบาง และอ่อนแอกว่าฟันแท้มาก จึงควรดูแลฟันให้สะอาดและพามาพบทันตแพทย์เป็นประจำ โดยสามารถพาลูกมาพบทันตแพทย์ทุก ๆ 3-6 เดือน โดยขึ้นอยู่กับความเสี่ยงในการเกิดฟันผุของเด็กแต่ละคน โดยเฉพาะเด็กที่มีความเสี่ยงในการเกิดฟันผุค่อนข้างสูง
read more
การดูแลฟันน้ำนมให้ดีตั้งแต่เริ่มเป็นเรื่องสำคัญ เพราะนอกจากจะทำให้ฟันมีสุขภาพดีแล้ว ยังสร้างวินัยในการแปรงฟันให้กับลูกน้อยด้วย โดยสามารถเพิ่มแรงจูงใจให้ลูกน้อยหันมาชอบการแปรงฟันได้ ดังนี้.1.เลือกแปรงสีฟันให้มีสีสันที่สดใส – เพื่อให้ดึงดูดลูกให้อยากมีส่วนร่วมในการแปรงฟันมากขึ้น โดยอาจจะใช้วิธีให้เขาได้เลือกแปรงสีฟันที่ชอบด้วยตัวเอง ผู้ปกครองควรช่วยเลือกดูในเรื่องของขนแปรงและ การจับให้ถนัดมือของลูก.2.รสชาติยาสีฟันที่ลูกชอบ – แนะนำให้เลือกรสชาติที่เขาชอบ เช่นยาสีฟันที่มีรสหวานเป็นรสผลไม้รวม หรือ ผลไม้ชนิดต่างๆ.3.ชมเมื่อลูกแปรงฟันเสร็จ – เมื่อได้รับคำชม ลูกน้อยจะรู้สึกภูมิใจในตัวเองมากขึ้น.4.สร้างนิสัยการชอบแปรงฟัน – ผู้ปกครองอาจจะแปรงให้น้องดู แปรงฟันไปพร้อมกับน้อง หรือชวนน้องมาแปรงด้วยกัน ทำให้เขาเห็นว่าไม่มีอะไรน่ากลัว.5.มีเพลงประจำตอนแปรงฟัน – เสียงเพลงจะทำให้เขารู้สึกสนุกสนาน ให้เขารู้สึกว่าการแปรงฟันไม่มีอะไรน่ากลัว.6.พาลูกน้อยพบหมอตั้งแต่มีฟันซี่แรกขึ้น – หากพาไปพบกับคุณหมอตั้งแต่เด็กๆ จะเป็นการสร้างความคุ้นชินกับการรักษาสุขภาพฟัน มีสุขภาพฟันที่ดี ไม่กลัวหมอ ไม่ต่อต้าน
read more
บางครั้งที่ลูกเริ่มมีอาการงอแง มีน้ำลายเยอะ ๆ หรือมีอาการชอบเอามือหรือของเข้าปากอาจจะเป็นสัญญาณที่แจ้งว่าลูกน้อยอาจจะกำลังมีฟันขึ้น สังเกตุอาการง่ายๆ หากเหงือกดูมีสีซีดๆ หรือจับที่เหงือกแล้วมีความรู้สึกว่ามีตุ่มแข็งๆ หรือไม่ หากมีแสดงว่าสาเหตุที่ลูกมีอาการงอแงเพราะมีฟันที่กำลังจะขึ้นค่ะ .โดยคุณแม่สามารถบรรเทาอาการที่เขารู้สึกเจ็บหรือป่วยได้โดยวิธีที่ง่ายๆดังนี้ค่ะ.1.นวดเหงือกของลูกน้อยเบาๆ โดยนำผ้าชุบน้ำเย็นและนำผ้ามานวดที่เหงือกของลูกเบาๆ.2.หาของให้ลูกกัด อาจจะเป็นของเล่นยางกัดหรือของเล่นสำหรับเคี้ยวที่ปลอดสาร BPA ให้ลูกเคี้ยวเพื่อลดอาการคัน และช่วยให้เนื้อเยื่อที่เหงือกแยกออกจากกันทำให้ฟันขึ้นมาได้ง่ายขึ้น.3.ใช้ความเย็นช่วยลดอาการบวมของเหงือก ให้รู้สึกชามากขึ้น คุณแม่อาจจะนำยางกัดเล่น จุกนมหลอก หรือผ้าชุบน้ำหมาดๆแช่ไว้ในตู้เย็นเพื่อให้เขากัด แต่ระวังห้ามเย็นเกินไปอาจจะทำให้มีอาการปวดมากกว่าเดิมค่ะ.4.พบแพทย์ ในเด็กบางคนอาจจะมีอาการไข้ขึ้น หรืองอแงหนัก สามารถพาไปพบคุณหมอเพื่อให้คุณหมอตรวจดูและอาจจะจ่ายยาที่ช่วยลดอาการเจ็บเหงือกค่ะ โดยคุณหมอจะตรวจเช็คตำแหน่งของฟันและวิธีการทำความสะอาดร่วมด้วยค่ะ.อาการงอแงจากฟันที่กำลังจะขึ้นถือว่าเป็นเรื่องปกติค่ะ ผู้ปกครองไม่ต้องกังวลนะคะ แต่หากดูมีอาการงอแงที่มากผิดปกติให้รีบพาลูกน้อยมาให้คุณหมอตรวจดูให้ไวที่สุดค่ะ
read more
1. ให้กัดผ้าก๊อซไว้ประมาณ 1ชม.หรือจนกว่าเลือดจะหยุดไหล.2.หากมีเลือดหรือน้ำลายไหลให้กลืน งดการกลั้วปากแรงๆ.3. ยาชามีฤทธิ์ 1-2 ชั่วโมง หากมีอาการปวดให้ทานยาแก้ปวดตามที่ทันตแพทย์สั่ง.4. ห้าม เอานิ้วหรือลิ้นไปเขี่ยแผลและไม่ดูดแผล.5. ระวัง อย่าให้เด็กกัดริมฝีปากและกระพุ้งแก้ม เพราะยังมีฤทธิ์ยาชา หากกัดปากจะบวมเป็นแผลได้
read more
1.หาฟันให้พบโดยเร็ว2.จับที่ตัวฟัน ห้ามจับที่รากฟัน3.ทำความสะอาดด้วยการล้างน้ำเบาๆ4.ใส่ฟันกลับเข้าที่หรือแช่ในนมจืด,น้ำเปล่า5.รีบมาพบ ทันตแพทย์โดยเร็วที่สุด หากมาพบทันตแพทย์ภายใน1 ชั่วโมงจะมีโอกาสปลูกฟันกลับสำเร็จสูง
read more
ผู้ปกครองสามารถดูแลสุขภาพช่องปากของลูกน้อยได้ตั้งแต่ ช่วงที่ลูกยังไม่มีฟันขึ้นในช่องปาก การดูแลทำความสะอาดในแต่ละวัยจะมีจุดเน้นที่แตกต่างกันไป ดังนี้ .1.เด็กแรกเกิด จนถึงอายุ 6 เดือน ทำความสะอาดโดยใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำหมาดๆ เช็ดบริเวณเหงือกและลิ้น เช็ดเป็นประจำช่วงเช้าและก่อนนอน2.อายุ 6 – 10 เดือน ทำความสะอาดโดยจัดท่าให้เด็กนอนลงที่ตัก หากลูกดิ้นอาจใช้ขาเกี่ยวล็อคหรือมีคนช่วยจับเพื่อให้เด็กนิ่ง จากนั้นทำการแหวกบริเวณริมฝีปาก และแก้ม ให้ผู้แปรงเห็นฟันครบทุกซี่ จากนั้นแปรงถูไปมาประมาณ 10 ครั้งต่อซี่3.อายุ 1 – 3 ปี ผู้ปกครองแปรงฟันในท่านอน ใช้มือแหวกริมฝีปากและแก้ม แปรงถูไปมาทางแนวขวาง 10-15 ครั้งต่อซี่4. อายุ 3-6 ปี เด็กอาจจะเริ่มมีความรู้สึกที่อยากแปรงเอง แต่ความแข็งแรงและความสามารถในการใช้กล้ามเนื้อมืออาจยังไม่ดีพอ ผู้ปกครองยังควรแปรงฟันให้อยู่ ใช้แปรงสีฟันถูไปมาแนวขวาง ครั้งละ 10-15 ครั้งต่อซี่5.อายุ 6 ปีขึ้นไป เด็กจะเริ่มแปรงฟันด้วยตัวเอง ผู้ปกครองควรตรวจดูความสะอาดและอาจจะแปรงซ้ำให้ลูกอีกครั้งหนึ่ง.ผู้ปกครองควรพาลูกมาพบกับทันตแพทย์ตั้งแต่เริ่มมีฟันซี่แรกขึ้นเพื่อสร้างความคุ้นเคยให้กับลูกน้อย และควรใช้ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ 1,000 ppm แปรงให้ลูกตั้งแต่มีฟันซี่แรกขึ้น และควรตรวจดูลูกหลังจากที่ลูกแปรงฟันเสร็จและแปรงฟันซ้ำให้จนกว่าลูกจะแปรงฟันสะอาดได้เองค่ะ
read more
ฟันน้ำนม ขึ้นและหลุดเมื่อไหร่ ? ฟันน้ำนมจะมีทั้งหมด20ซี่โดยแบ่งเป็นฟันบน10ซี่และฟันล่าง10ซี่ มาดูกันว่าฟันแท้และฟันน้ำนมแต่ละซี่จะงอกและหลุดอายุประมาณเท่าไหร่ . ฟันบน ประกอบด้วย ฟันหน้าซี่กลาง2ซี่ ฟันขึ้นช่วงอายุ8-12เดือนและฟันหลุดช่วงอายุ6-7ปี ฟันหน้าซี่ข้าง2ซี่ ฟันขึ้นช่วงอายุ9-13เดือนและฟันหลุดช่วงอายุ7-8ปี ฟันเขี้ยว2ซี่ ฟันขึ้นช่วงอายุ 16 – 22 เดือนและฟันหลุดช่วงอายุ10-12ปี ฟันกรามซี่แรก 2 ซี่ ฟันขึ้นช่วงอายุ 13 – 19 เดือน และฟันหลุดช่วงอายุ 9 – 11 ปี ฟันกรามซี่ที่สอง 2 ซี่ ฟันขึ้นช่วงอายุ25-33เดือน และฟันหลุดช่วงอายุ 10 – 12 ปี . ฟันล่างประกอบฟันล่างประกอบ#วีเนียร์ด้วย ฟันหน้าซี่กลาง 2 ซี่ ฟันขึ้นช่วงอายุ 6 – 10 เดือน และฟันหลุดช่วงอายุ 6 – 7 ปี
read more
‘ฟันน้ำนมที่ดีคือรากฐานของฟันแท้ที่แข็งแรง’ ดังนั้นผู้ปกครองจึงควรเริ่มดูแลรักษาฟันลูกตั้งแต่ยังเป็นช่วงของฟันน้ำนม ควรเริ่มแปรงฟันให้ลูกตั้งแต่ลูกเริ่มมีฟันน้ำนมขึ้นซี่แรกเพื่อป้องกันไม่ให้มีฟันผุและปัญหาร้ายแรงอื่นๆตามมา โดยการเลือกยาสีฟันก็สำคัญ ควรเลือกชื้อยาสีฟันที่มีคุณสมบัติดังนี้ . 1.เลือกยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์ – ทันตแพทย์สมาคมแห่งประเทศไทย ได้แนะนำให้ในยาสีฟันเด็กจำเป็นที่จะต้องมีฟูลออไรด์อยู่ที่ 1000 ppm ในการป้องกันฟันผุ ช่วยให้ฟันแข็งแรงอย่างมีประสิทธิภาพ . 2.มีส่วนผสมที่ดีต่อเหงือกและฟัน – นอกจากยาสีฟันจำเป็นต้องมีสารฟลูออไรด์แล้ว ควรเลือกยาสีฟันที่มีส่วนผสมที่ช่วยบำรุงเหงือกและฟัน ช่วยในความชุ่มชื่น ลดการระคายเคือง เพราะปากของเด็กๆ ยังบอบบาง หากใช้ยาสีฟันที่แรงเกินไปก็อาจทำให้ช่องปากระคายเคืองได้ . 3.มีกลิ่นหอมและรสชาติที่ดึงดูด – การแปรงฟันครั้งแรกจะเป็นประสบการณ์ใหม่ที่เขาไม่เคยพบเจอมาก่อน การเลือกยาสีฟันที่มีกลิ่นหอม ไม่เย็น ไม่ทำให้เขาแสบปาก ก็จะเป็นการสร้างภาพจำว่าการแปรงฟันไม่ใช่เรื่องเลวร้าย รสชาติของยาสีฟันไม่ได้แย่ กลิ่นและรสชาติของยาสีฟันจะเป็นสิ่งที่ดึงดูดให้เขาอยากแปรงฟัน . 4.ปราศจากสารเติมแต่ง – ยาสีฟันส่วนใหญ่ก็จะประกอบไปด้วยสารขัดฟัน สารที่ให้รสหวาน สารที่ก่อให้เกิดฟอง แต่ในยาสีฟันของเด็กนั้นผู้ปกครองแม่อาจจะต้องดูส่วนประกอบต่างๆ ให้ถี่ถ้วน เพราะสารเคมีบางชนิดที่อยู่ในยาสีฟันอาจจะเป็นอันตรายต่อลูก หรือส่งผลให้ลูกเป็นเด็กติดหวานหากยาสีฟันที่ใช้มีรสชาติหวาน ผู้ปกครองอาจต้องเลือกยาสีฟันเด็ก ที่ปราศจากน้ำตาล สารกันเสีย (พาราเบน) สารที่ก่อให้เกิดฟอง (SLS / SLES) และสีสังเคราะห์ . นอกจากการทำความสะอาดให้ลูกน้อยที่บ้านแล้ว
read more
ปริมาณในการใช้ยาสีฟันของเด็กในแต่ละช่วงวัยนั้นจะมีการใช้ปริมาณยาสีฟันที่แตกต่างกัน เพราะในเด็กทารกหรือเด็กเล็กไม่สามารถควบคุมการบ้วนหรือการกลืนได้ หากเด็กเล็กกลืนยาสีฟันลงไปมากๆอาจจะเกิดปัญหาตามมาได้ . ทันตแพทยสมาคมแห่งประเทศไทย จึงได้มีการกำหนดปริมาณยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ตามแต่ละช่วงวัยไว้ดังนี้ ช่วงอายุ 0 – 3 ปี : บีบยาสีฟันปริมาณแค่เปียกแปรงสีฟัน ช่วงอายุ 3 – 6 ปี : บีบยาสีฟันปริมาณตามความกว้างของแปรงสีฟัน ช่วงอายุ 6 ปี ขึ้นไป : บีบยาสีฟันปริมาณตามความยาวของแปรงสีฟัน .
read more